วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

แนวคิด,อุดมการณ์ของน้องๆ ตำรวจฝึกหัดปฏิบัติราชการ (๓๐ กันยายน ๒๕๕๓)

ผ่านพ้นกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับสำหรับการฝึกหัดปฏิบัติราชการของน้องๆ ตำรวจ ๔ คนซึ่งสำเ้ร็จการศึกษาจากศูนย์อบรมตำรวจภูธรภาค ๕ และมาฝึกงานที่ สภ.พานของเรา โดยน้องๆ ทั้ง ๔ คนนี้ประกอบด้วย
๑. ส.ต.ต.ศุภวัฒน์ สุวรรณโณ
๒. ส.ต.ต.เทอดศักดิ์ ใจเที่ยง
๓. ส.ต.ต.พีระพงษ์ อุปจักร์
๔. ส.ต.ต.ปรีชาชัย ธรรมอนุสรณ์





การฝึกหัดปฏิบัติราชการของน้องๆ ทั้ง ๔ คนเริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๐-๒๙ กันยายน ๒๕๕๓ ซึ่งผมได้นำเรื่องราวต่างๆ มาเสนอให้ทราบเป็นระยะว่าแต่ละวันนั้นน้องๆ เขาฝึกงานอะไรบ้าง

วันนี้ผมขอนำเสนอแนวคิด,อุดมการณ์ของน้องๆ ทั้่ง ๔ คนในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตำรวจตามที่ผมให้เขาเขียนความในใจของแต่ละคนว่ามีอย่างไรบ้าง ดูแล้วน่าสนใจมากเลยทีเดียว รายละเ้อียดของแต่ละคนเป็นอย่างไรติดตามได้ด้านล่างนี้ครับ

ส.ต.ต.ศุภวัฒน์ สุวรรณโณ

แนวคิด อุดมการณ์ จากบุคคลที่กระผมได้ให้ความเคารพนับถือและได้ใกล้ชิดมากที่สุดท่านแรกสารวัตรปราบปราม สภ. พาน สุพจน์ มัจฉา ท่านได้ให้แนวคิดในการปฏิบัติงานหลายเรื่อง เรื่องแรกท่านว่าที่เราจะเข้าถึงชาวบ้าน ประชาชนได้นั้นเราจะต้องไม่เป็นคนปากหนัก คือต้องรู้จักทักทายผู้คนด้วยความเป็นมิตรและใช้ถ้อยคำที่ฟังแล้วดูเป็นกันเองไม่ถือเนื้อถือตัวเป็นการสร้างมวลชน





อีกท่านหนึ่งคือ ร้อยตำรวจโท รุ่ง สุวรรณฉัตรศิริ ท่านให้แนวคิดกับกระผมว่าในการทำงานการทำงานต้องเอาทีมเป็นหลัก ต้องมีการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับผู้ร่วมงานอย่างคำสุภาษิตที่ว่า นกต้องมีขน คนต้องมีเพื่อน คือนกจะสวยงามจะบินได้สูงต้องมีขน

ส่วนแนวคิดอุดมการณ์ของข้าพเจ้าในการปฏิบัติงาน คือ การครอง 4 ประการ

การครองตน คือ ควรประพฤติตนในกรอบแบบแผนไม่สัมเลเทเมา ประพฤติตนเสมอต้นเสมอปลาย

การครองคน คือ ควรปฏิบัติตนต่อผู้อื่นทั้งผู้ที่อยู่เหนือตนคือผู้บังคับบัญชาและในระดับเดียวกัน รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชาให้เหมาะสม และประพฤติกับผู้นั้นเสมอต้นเสมอปลาย

การครองงาน คือ ควรตั้งมั่นในการทำงาน ใช้อำนาจหน้าที่ของตนในการปฏิบัติงานให้ถูกต้อง ปราศจากการเลือกปฏิบัติ ไม่เกี่ยงงาน ปฏิบัติงานรวดเร็วไม่กักตุนงาน

ครองเงิน คือ การวางแผนการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ ไม่สุรุ่ยสุร่าย ประหยัด มัธยัสถ์

แนวคิดอุดมการณ์ที่ข้าพเจ้าจะใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมาจากอุดมคติตำรวจ

อดทนต่อความเจ็บใจ คือ หลักในการรู้จักข่มจิตใจตนเองไม่ให้ผันแปรไปตามสิ่งที่มากระทบต่อจิตใจ

ไม่มักมากในลาภผล คือ สิ่งใดได้มาจากการการทำความผิดทางกฎหมายไม่ สมควรรับไว้ พอใจในสิ่งที่ตนมี

ดำรงตนในยุติธรรม คือ กระทำในสิ่งที่ถูกต้องปราศจากการเลือกปฏิบัติ

รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต คือ การดำรงตนอย่างมีสติปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง รอบคอบให้เท่ากับชีวิตของตน

คติประจำใจ : "อุปสรรคไม่ได้มีไว้ข้าม แต่มีไว้ฝ่าฟัน"

ส.ต.ต.เทอดศักดิ์ ใจเที่ยง

เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ กรุณาปรานีต่อประชาชน อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ดำรงตนในยุติธรรม กระทำการด้วยปัญญา รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต อุดมคติตำรวจก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่กระผมสามารถนำไปยึดถือและใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างดียิ่งครับ ตำรวจทุกคนต้องมีอุดมการณ์ในการทำงานถึงจะเรียกว่าเป็นตำรวจมืออาชีพ และเราก็ต้องมีต้นแบบความคิด ต้นแบบการกระทำคือบุคคลตัวอย่างที่เราคิดว่า เราจะเป็นตำรวจแบบนี้ในวันข้างหน้าสำหรับผมแล้วผู้ที่เป็นต้นแบบหรือ Idol คือ สวป.สุพจน์ มัจฉา นี่แหละครับใช่เลย ถ้าผมได้เป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่แล้วผมจะไม่ทำตัวเหนือประชาชนหรือผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชามาก เป็นคนที่ให้ความเป็นกันเองกับลูกน้องและประชาชน ไม่แปลกใจที่คนทั่วไปรู้จักท่าน และลูกน้องก็ไม่นินทาท่าน เป็นผู้ที่มีอัธยาศัยดี ผมก็อยากเป็นอย่างเป็นอย่างนี้ในอนาคตเป็นผู้ที่มีความสามารถหลายด้านใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างชำนาญแบบว่าคนหนุ่มบางคนอายไปเลยและท่านเป็นนักพูดที่ดีครับพูดจาได้ไพเราะมีเหตุผล มีไหวพริบในการพูด สังเกตจากการพูดออกอากาศที่สถานีวิทยุ เมื่อผมได้เห็นอย่างนี้แล้วก็กลับมาคิดและย้อนมองตัวเองวาทำได้อย่างนั้นไหมทำได้แค่ไหน ถ้ามีโอกาสจะทำไหมเผื่อว่าทำแล้วดีไหม ผมตอบว่า อยากทำได้ อยากเป็น อยากเก่งอยากเป็นอย่างที่ได้เห็นครับ และนี่แหละครับที่ผมคิดว่าตำรวจมืออาชีพและการปฏิบัติหน้าที่ของกระผมในภายภาคหน้าผมถือว่า การพิทักษ์รับใช้ประชาชนเป็นหน้าที่หลักของตำรวจและของผมครับ ความกรุณาปรานีที่เรามีต่อประชาชนต้องมีให้มากแต่ไม่ยากเพราะโดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้วครับ กรุณาทั้งกิริยา วาจา และใจ เมื่อเราทำหน้าที่ด้วยความให้เกียรติประชาชน และมากจากใจที่กรุณาด้วยที่เราจะบริการประชาชนได้ดี หัวใจของการทำงานของตำรวจผมคิดว่าคือประชาชนครับหากเราเข้าถึงประชาชนได้หากเราดึงเอาประชาชนมาเป็นพวกสามารถสร้างความไว้ใจให้ประชาชนได้เราก็จะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ครับ

ส.ต.ต.พีระพงษ์ อุปจักร์

การปฏิบัติงานในหน้าที่ตำรวจ เป็นงานที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานมาก เนื่องจากปัจจุบันสังคมพัฒนา รวดเร็วมาก เทคโนโลยีสมัยใหม่เจริญก้าวหน้าแทบตามไม่ทันประชาชนมีความรู้ความสามารถสูง ผู้ร้ายก็มีการพัฒนาศักยภาพของตัวเองขึ้น ตามเทคโนโลยี กระผมในฐานะที่เป็นตำรวจใหม่ คิดว่าตำรวจทุกคนต้องหันมาพัฒนาตนเอง และหันมามองตัวเองว่าเรามีศักยภาพแค่ไหน ในการปฏิบัติงานในสังคมปัจจุบัน เพราะการที่เราจะดูแลประชาชนหรือผู้อื่น เราต้องดูแลตัวเองว่าเราพร้อมแค่ไหนมีดีแค่ไหน ความรู้เป็นเกราะกำบังที่ดีที่สุดสำหรับสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะอาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่ประชาชนพึ่งพา และคิดถึงเป็นอันดับแรกเวลามีปัญหา องค์กรหนึ่งองค์กรจะอยู่ได้และเป็นที่ยอมรับของสังคมบุคลากรในองค์กรเป็นกงจักรที่สำคัญในการขับเคลื่อนบุคลากรในองค์กรต้องมีความรู้ความสามารถ นอกจากตำรวจจะมีความรู้ความสามารถสูงแล้วตำรวจต้องมีคุณธรรมด้วย โดยเฉพาะเวลาปฏิบัติหน้าที่เพราะสังคมปัจจุบันเป็นสังคมที่เห็นแก่ตัวและมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องมาก ตำรวจต้องมีการวางตัวเป็นกลางและมีคุณธรรมประจำใจ ในปัจจุบันนี้องค์กร ตำรวจอาจได้รับควารมเสื่อมเสียและไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเท่าที่ควร สาเหตุที่สำคัญ คือ มาจากบุคลากรในองค์กรทั้งสิ้น เราฐานะคนรุ่นใหม่เราต้องมองย้อนดูปัญหาและมาช่วยกันแก้ปัญหาให้กับองค์กรถึงแม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ ถ้าทุกคนช่วยกันพัฒนาตนเองทางด้านความรู้ ด้านคุณธรรม และพัฒนาจิตใจ ของตนเองจุดเล็กๆ หลายจุด ก็สามารถเป็นเกราะกำบังให้กับองค์กรและแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในองค์กรจะลดน้อยลง

อุดมการณ์ในการณ์ปฏิบัติหน้าที่ของผมจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญมากและและศึกษาค้นคว้าความรู้เพื่อพัฒนาตนเองท้องถิ่นและองค์กรมีคุณธรรมประจำใจ มีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และสังคม


ส.ต.ต.ปรีชาชัย ธรรมอนุสรณ์

ไม่มีอะไรมาก โดยตั้งแนวคิดนี้ตลอดตั้งแต่จำความว่า ข้าพเจ้าจะทำอะไรข้าพเจ้านั้นจะยึดถือคำอยู่ 3 คำ ตลอดเวลา คือ(1)อดทน (2) ตั้งใจ (3) ซื่อสัตย์ ซึ่ง 3 คำนี้ก็กลายเป็นอุดมการณ์ของข้าพเจ้านี้เอง ซึ่งอุดมการณ์ของข้าพเจ้า 3 คำนี้จะมีความหมายในตัวว่า

1.) อดทน ซึ่งอธิบายได้ดังนี้ ในการทำงานของผมนั้นถ้าไม่อดทนสิ่งที่ทำก็ไม่สำเร็จ ไม่ถึงเป้าหมายในสิ่งที่ทำ แล้วสิ่งที่ทำลงไป ก็ล้มเหลว ตลอดเวลาของการจะทำอะไรจะต้องมีความอดทน อดกลั้นอย่างแสนสาหัส ซึ่งทำลงไปนั้นจะเห็นผลเมื่อถึงปลายทางของการกระทำนั้นเพราะความอดทนมีรสขม แต่ผลของมันมรสตรงข้าม

2.) ตั้งใจ ซึ่งอธิบายได้ดังนี้ คำว่าตั้งใจนั้นก็คือตั้งจิตตั้งใจ ว่าเป้าหมายเดียวที่ทำนั้นต้องทำให้สำเร็จ จะล้าเหลวกี่ครั้งก็ต้องทำในสิ่งที่ตั้งใจทำนั้นให้สำเร็จให้บรรลุเป้าหมาย โดยถือคติย่อยในหัวข้อตั้งใจนี้ว่า ถึงไม่มีหนทางให้ฉันเดินฉันจะสร้างหนทางนั้นด้วยตัวของฉันเอง แล้วก็ไม่เคยกลัวความล้าเหลวเพราะความกลัวเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าแห่งชีวิต และคำว่า เป็นไปไม่ได้นั้นไม่เคยมีในคนที่มีคำว่าตั้งใจ

3.) ซื่อสัตย์ ซึ่งอธิบายได้ดังนี้ ซื่อตรง ซื่อสัตย์ จริงใจ คิดที่อยากจะให้ใครจริงใจ ซื่อสัตย์ กับเรา เราก็ต้องจริงใจ ซื่อสัตย์ กับเขาก่อน โดยไม่ต้องนึกถึงผลตอบรับและความซื่อตรง ซื่อสัตย์ จริงใจ นี้เอง ทำให้หลายครั้งที่ลำบาก จะมีคนมรช่วยเหลือโดยคิดไม่ถึง และไม่ได้ขอ ซึ่งก็คิดว่าคนมาช่วยเรานี้ ก็มาจากการกระทำของเราที่ผ่านมาหรืออาจเป็นเพราะศรัทธาในความซื่อสัตย์ ซื่อตรง จริงใจ นี้เอง ความศรัทธาจึงส่งผลนี้มาและเหนือสิ่งอื่นใดในชีวิตนี้ก็คิดว่า เรื่องงานนี้เราทำลงไปแล้วควรทำให้ดีที่สุดโดยไม่ต้องนึกถึงผลตอบกลับว่าเราจะได้อะไรกลับมาว่าเราทำแล้วจะได้กลับมากน้อยแค่ไหน ไม่ควรคิดแบบนี้

เพราะการกระทำที่ทำลงไปก็เปรียบดังเรา ไปสระน้ำใส่กันเมื่อเอาน้ำสระใส่กันแล้วย่อมต้องเปียกน้ำ ไม่มากก็น้อย สระน้ำร้อนย่อมร้อนในสิ่งที่ทำ สระใส่น้ำเย็นก็ได้รับในสิ่งที่เย็น ฉันใดก็ฉันนั้น งานหรือสิ่งที่ทำลงไปก็เช่นดั่งสระน้ำใส่กัน ทำอย่างไรผลก็เกิดแบบนั้น ซึ่งในชีวิตของข้าพเจ้านี้ก็ไม่มีพรสวรรค์อะไร เพียงแต่ข้าพเจ้ามีความอดทน ตั้งใจ ซื่อสัตย์ ซึ่งยึดถือเสมอพร้อมสำรวจข้อด้วยของตัวเองเสมอ จึงสามารถทำในสิ่งที่ตั้งใจทำได้

ปีนให้ไกล ปีนให้สูงเป้าหมายอยู่บนฟ้า จุดเล็งอยู่ที่ดาว"

ครับ นั่นก็คือแนวคิดและอุดมการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ของน้องๆ ทั้ง ๔ คนหลังจากออกไปรับราชการแล้ว ก็หวังว่าน้องๆ คงจะทำได้ตามแนวคิดและอุดมการณ์ที่ให้ไว้ตลอดไป

สุดท้ายนี้ผมขอนำภาพถ่ายต่างๆ ที่น้องๆ เขาถ่ายไว้ระหว่างฝึกงานมาฝากกันหน่อย รายละเอียดคลิกที่นี่นะครับ


อำลา-อาลัยพี่ๆ ตำรวจ สภ.พาน (๓๐ กันยายน ๒๕๕๓)

วันนี้วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ ซึ่งในวงการราชการ-รัฐวิสาหกิจก็จะเป็นวันสุดท้ายแห่งชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของผู้ที่มีอายุครบ ๖๐ ปีหรือที่เรียกว่าการเกษียณอายุราชการ ห้วงตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่บุคคลเหล่านี้ปฏิบัติหน้าที่ล้วนแล้วแต่ทำประโยชน์ไว้อย่างเอนกอนันต์สามารถเป็นตัวอย่างแก่น้องๆ รุ่นหลังๆ ได้เป็นอย่างดี ท่านเหล่านี้เป็นบุคคลที่มีคุณค่ายิ่งไม่เฉพาะแต่วงการของตัวเองเท่านั้นแต่ยังนับรวมถึงทั่วทุกวงการและต่อประเทศชาติได้อีกด้วย

สำหรับข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรพานปีนี้มีผู้เกษียณอายุราชกาจำนวน ๔ คนประกอบด้วย (ภาพจากซ้ายไปขวา)
๑. ร.ต.ต.ศรีทน สุริโยทัย
๒. ร.ต.ต.ปรีชา วงษ์บุรินทร์พาน
๓. ร.ต.ต.มงกุฏ เถาว์โท
๔. ร.ต.ต.บุญมี ธรรมสาร



และนอกจากนี้ยังมีข้าราชการตำรวจของเราอีก ๓ นายที่เข้าร่วมโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดประกอบด้วย
๑. ด.ต.บุญมาก สุริยะ
๒. ด.ต.พันทวี ดีแก้ว
๓. ด.ต.ทอง เทิ้มลง




ตลอดระยะที่ทั้ง ๗ ท่านรับราชการตำรวจนั้นได้ทำคุณงามความดีไว้เป็นอย่างมาก เป็นที่รักของผู้บังคับบัญชา,เพื่อนร่วมงานรวมถึงพี่น้องประชาชนทั่วไป พวกเราตำรวจ สภ.พานที่ยังรับราชการอยู่จะขอเจริญรอยตามสิ่งที่พี่ๆ ทั้ง ๗ ท่านได้กระทำมาและขอให้พี่ๆ ทั้ง ๗ ใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุขตลอดไป

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

ทดสอบความรู้ความเข้าใจตำรวจฝึกงาน (๒๙ กันยายน ๒๕๕๓)

วันนี้เวลาประมาณ ๐๙.๓๐ น.ผมได้จัดให้มีการทดสอบความรู้ความเข้าใจการฝึกหัดปฏิบัติราชการสายงานป้อ งกันปราบปรามแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาฝึกงานที่ สภ.พานซึ่งประกอบด้วย
๑. ส.ต.ต.ศุภวัฒน์ สุวรรณโณ
๒. ส.ต.ต.เทอดศักดิ์ ใจเที่ยง
๓. ส.ต.ต.พีระพงษ์ อุปจักร์
๔. ส.ต.ต.ปรีชาชัย ธรรมอนุสรณ์
ที่ห้องประชุม สภ.พานชั้น ๓ หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกหัดปฏิบัติราชการตามที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค ๕ กำหนดแล้ว


ภาพด้านล่างเป็นช่วงที่ผมชี้แจงทำความเข้าใจในเรื่องแบบทดสอบ



จากนั้นทำแบบทดสอบโดยให้เวลาทำข้อสอบ ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที



หลังจากทำแบบทดสอบเสร็จแล้วผมเฉลยข้อสอบพร้อมทั้งแนะนำวิธีปฏิบัติหลังจากจบไปทำงานแล้วให้น้องๆ ทั้ง ๔ คน



น้องๆ ทั้ง ๔ คนกล่าวขอบคุณและถ่ายภาพร่วมกัน



ก่อนจะเดินทางไปยังต้นสังกัดผมนำน้องๆ ทั้ง ๔ คนไปพบ พ.ต.อ.ไพรัช คุ้มล้วนล้อม ผกก.สภ.พาน เพื่อรับฟังโอวาทและคำแนะนำในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ



น้องๆ ทั้ง ๔ คนเดินทางไปลาและกล่าวขอบคุณพี่ๆ ตำรวจ สภ.พาน



สำหรับผลการสอบในวันนี้ผลปรากฏว่าน้องๆ ทั้ง ๔ คนมีความรู้ความเข้าใจและสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดียิ่ง

รายละเอียดของแบบทดสอบที่ใช้สอบในวันนี้กรุณาคลิกที่นี่

<< ภาพประกอบ (๙๖ ภาพ) >>

ตั้งจุดตรวจที่หน่วยบริการประชาชนตำบลแม่เย็น (๒๘ กันยายน ๒๕๕๓)

เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น.ผมเดินทางไปตรวจการปฏิบัติการตั้งจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยบริการประชาชนตำบลแม่เย็นพบ ร.ต.ท.รุ่ง สุวรรณฉัตรศิริ รอง สวป.กับพวกรวม ๗ คนตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าหน่วยบริการฯ ตามแผนการตรวจประจำวัน

การตั้งจุดตรวจนั้นเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามระเบียบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ครบถ้วนทุกประการ การทำหน้าที่เป็นไปด้วยความเข้มแข็ง สุภาพ และเป็นมิตรต่อพี่น้องประชาชนที่ผ่านจุดตรวจ






การตรวจครั้งนี้ผมได้อยู่ร่วมปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ด้วยจนถึงเวลาประมาณ ๒๑.๐๐ น.จึงเสร็จสิ้นซึ่งขณะปฏิบัติหน้าที่ไม่พบการกระทำผิดใดๆ เกิดขึ้น

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

ร่วมแสดงมุทิตาจิตแก่ข้าราชการครูที่จะเกษียณอายุราชการ (๒๘ กันยายน ๒๕๕๓)

วันนี้เวลาประมาณ ๑๔.๓๐ น. ผมในฐานะตัวแทนข้าราชการตำรวจ สภ.พานได้เดินทางไปร่วมแสดงมุทิตาจิตแก่ข้าราชการครูโรงเรียนพานพิเศษพิทยาซึ่งจะเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ ๒๕๕๓ นี้ ณ ห้องโสตทัศนศึกษาโรงเรียนพานพิเศษพิทยาโดยในงานมีคณะครู,นักเรียนและแขกผู้มีเกียรติร่วมงานประมาณ ๑๐๐ คน






สำหรับข้าราชการครูของโรงเรียนที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้มีจำนวน ๒ ท่านประกอบด้วยครูวรพจน์ ประทุมมา รองผู้อำนวยการโรงเรียนและครูสุรีย์ สารมนู

Tiger (๒๘ กันยายน ๒๕๕๓)

ขณะนี้สายตรวจรถจักรยานยนต์ สภ.พานของเราส่วนหนึ่งต้องใช้รถส่วนตัวออกปฏิบัติหน้าที่แทนเพราะรถจักรยานยนต์ของหลวงยี่ห้อ Tiger ขนาด ๒๕๐ ซีซี ราคาประมาณคันละ ๖๐,๐๐๐ บาทชำรุดเสียหายและไม่มีอะไหล่ที่จะใช้ซ่อมแซม รวมถึงไม่สามารถใช้อะไหล่ของรถฯยี่ห้ออื่นแทนได้อีกด้วย แต่ก็ไม่เป็นไรครับพวกเราพร้อมเสมอที่จะทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชนตลอดเวลาแม้ว่าจะใช้รถส่วนตัวในบางครั้งด้วยก็ตาม

ภาพด้านล่างนี้พวกเราต้องยกรถจักรยานยนต์กลับหลังจากนำไปซ่อมแล้วปรากฏว่าไม่มีอะไหล่เลยแม้แต่ร้านเดียวทั้งจังหวัดเชียงราย




ภาพประกอบด้านล่างนี้คือส่วนหนึ่งในการออกปฏิบัติหน้าที่ของพวกเราเมื่อคืนวันที่ ๒๗ กันยายนที่ผ่านมาซึ่งจะเห็นได้พวกเราส่วนหนึ่งต้องใช้รถจักรยานยนต์ส่วนตัวออกตรวจแทนเช่นกันครับ



สุขเถิดประชา ตำรวจกล้าจะคุ้มภัย