๑. ส.ต.ต.ศุภวัฒน์ สุวรรณโณ
๒. ส.ต.ต.เทอดศักดิ์ ใจเที่ยง
๓. ส.ต.ต.พีระพงษ์ อุปจักร์
๔. ส.ต.ต.ปรีชาชัย ธรรมอนุสรณ์
การฝึกหัดปฏิบัติราชการของน้องๆ ทั้ง ๔ คนเริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๐-๒๙ กันยายน ๒๕๕๓ ซึ่งผมได้นำเรื่องราวต่างๆ มาเสนอให้ทราบเป็นระยะว่าแต่ละวันนั้นน้องๆ เขาฝึกงานอะไรบ้าง
วันนี้ผมขอนำเสนอแนวคิด,อุดมการณ์ของน้องๆ ทั้่ง ๔ คนในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตำรวจตามที่ผมให้เขาเขียนความในใจของแต่ละคนว่ามีอย่างไรบ้าง ดูแล้วน่าสนใจมากเลยทีเดียว รายละเ้อียดของแต่ละคนเป็นอย่างไรติดตามได้ด้านล่างนี้ครับ
ส.ต.ต.ศุภวัฒน์ สุวรรณโณ
แนวคิด อุดมการณ์ จากบุคคลที่กระผมได้ให้ความเคารพนับถือและได้ใกล้ชิดมากที่สุดท่านแรกสารวัตรปราบปราม สภ. พาน สุพจน์ มัจฉา ท่านได้ให้แนวคิดในการปฏิบัติงานหลายเรื่อง เรื่องแรกท่านว่าที่เราจะเข้าถึงชาวบ้าน ประชาชนได้นั้นเราจะต้องไม่เป็นคนปากหนัก คือต้องรู้จักทักทายผู้คนด้วยความเป็นมิตรและใช้ถ้อยคำที่ฟังแล้วดูเป็นกันเองไม่ถือเนื้อถือตัวเป็นการสร้างมวลชน
อีกท่านหนึ่งคือ ร้อยตำรวจโท รุ่ง สุวรรณฉัตรศิริ ท่านให้แนวคิดกับกระผมว่าในการทำงาน “การทำงานต้องเอาทีมเป็นหลัก ต้องมีการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับผู้ร่วมงานอย่างคำสุภาษิตที่ว่า นกต้องมีขน คนต้องมีเพื่อน คือนกจะสวยงามจะบินได้สูงต้องมีขน
ส่วนแนวคิดอุดมการณ์ของข้าพเจ้าในการปฏิบัติงาน คือ การครอง 4 ประการ
การครองตน คือ ควรประพฤติตนในกรอบแบบแผนไม่สัมเลเทเมา ประพฤติตนเสมอต้นเสมอปลาย
การครองคน คือ ควรปฏิบัติตนต่อผู้อื่นทั้งผู้ที่อยู่เหนือตนคือผู้บังคับบัญชาและในระดับเดียวกัน รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชาให้เหมาะสม และประพฤติกับผู้นั้นเสมอต้นเสมอปลาย
การครองงาน คือ ควรตั้งมั่นในการทำงาน ใช้อำนาจหน้าที่ของตนในการปฏิบัติงานให้ถูกต้อง ปราศจากการเลือกปฏิบัติ ไม่เกี่ยงงาน ปฏิบัติงานรวดเร็วไม่กักตุนงาน
ครองเงิน คือ การวางแผนการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ ไม่สุรุ่ยสุร่าย ประหยัด มัธยัสถ์
แนวคิดอุดมการณ์ที่ข้าพเจ้าจะใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมาจากอุดมคติตำรวจ
อดทนต่อความเจ็บใจ คือ หลักในการรู้จักข่มจิตใจตนเองไม่ให้ผันแปรไปตามสิ่งที่มากระทบต่อจิตใจ
ไม่มักมากในลาภผล คือ สิ่งใดได้มาจากการการทำความผิดทางกฎหมายไม่ สมควรรับไว้ พอใจในสิ่งที่ตนมี
ดำรงตนในยุติธรรม คือ กระทำในสิ่งที่ถูกต้องปราศจากการเลือกปฏิบัติ
รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต คือ การดำรงตนอย่างมีสติปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง รอบคอบให้เท่ากับชีวิตของตน
คติประจำใจ : "อุปสรรคไม่ได้มีไว้ข้าม แต่มีไว้ฝ่าฟัน"
ส.ต.ต.เทอดศักดิ์ ใจเที่ยง
เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ กรุณาปรานีต่อประชาชน อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ดำรงตนในยุติธรรม กระทำการด้วยปัญญา รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต อุดมคติตำรวจก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่กระผมสามารถนำไปยึดถือและใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างดียิ่งครับ ตำรวจทุกคนต้องมีอุดมการณ์ในการทำงานถึงจะเรียกว่าเป็นตำรวจมืออาชีพ และเราก็ต้องมีต้นแบบความคิด ต้นแบบการกระทำคือบุคคลตัวอย่างที่เราคิดว่า เราจะเป็นตำรวจแบบนี้ในวันข้างหน้าสำหรับผมแล้วผู้ที่เป็นต้นแบบหรือ Idol คือ สวป.สุพจน์ มัจฉา นี่แหละครับใช่เลย ถ้าผมได้เป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่แล้วผมจะไม่ทำตัวเหนือประชาชนหรือผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชามาก เป็นคนที่ให้ความเป็นกันเองกับลูกน้องและประชาชน ไม่แปลกใจที่คนทั่วไปรู้จักท่าน และลูกน้องก็ไม่นินทาท่าน เป็นผู้ที่มีอัธยาศัยดี ผมก็อยากเป็นอย่างเป็นอย่างนี้ในอนาคตเป็นผู้ที่มีความสามารถหลายด้านใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างชำนาญแบบว่าคนหนุ่มบางคนอายไปเลยและท่านเป็นนักพูดที่ดีครับพูดจาได้ไพเราะมีเหตุผล มีไหวพริบในการพูด สังเกตจากการพูดออกอากาศที่สถานีวิทยุ เมื่อผมได้เห็นอย่างนี้แล้วก็กลับมาคิดและย้อนมองตัวเองวาทำได้อย่างนั้นไหมทำได้แค่ไหน ถ้ามีโอกาสจะทำไหมเผื่อว่าทำแล้วดีไหม ผมตอบว่า อยากทำได้ อยากเป็น อยากเก่งอยากเป็นอย่างที่ได้เห็นครับ และนี่แหละครับที่ผมคิดว่าตำรวจมืออาชีพและการปฏิบัติหน้าที่ของกระผมในภายภาคหน้าผมถือว่า การพิทักษ์รับใช้ประชาชนเป็นหน้าที่หลักของตำรวจและของผมครับ ความกรุณาปรานีที่เรามีต่อประชาชนต้องมีให้มากแต่ไม่ยากเพราะโดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้วครับ กรุณาทั้งกิริยา วาจา และใจ เมื่อเราทำหน้าที่ด้วยความให้เกียรติประชาชน และมากจากใจที่กรุณาด้วยที่เราจะบริการประชาชนได้ดี หัวใจของการทำงานของตำรวจผมคิดว่าคือประชาชนครับหากเราเข้าถึงประชาชนได้หากเราดึงเอาประชาชนมาเป็นพวกสามารถสร้างความไว้ใจให้ประชาชนได้เราก็จะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ครับ
ส.ต.ต.พีระพงษ์ อุปจักร์
การปฏิบัติงานในหน้าที่ตำรวจ เป็นงานที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานมาก เนื่องจากปัจจุบันสังคมพัฒนา รวดเร็วมาก เทคโนโลยีสมัยใหม่เจริญก้าวหน้าแทบตามไม่ทันประชาชนมีความรู้ความสามารถสูง ผู้ร้ายก็มีการพัฒนาศักยภาพของตัวเองขึ้น ตามเทคโนโลยี กระผมในฐานะที่เป็นตำรวจใหม่ คิดว่าตำรวจทุกคนต้องหันมาพัฒนาตนเอง และหันมามองตัวเองว่าเรามีศักยภาพแค่ไหน ในการปฏิบัติงานในสังคมปัจจุบัน เพราะการที่เราจะดูแลประชาชนหรือผู้อื่น เราต้องดูแลตัวเองว่าเราพร้อมแค่ไหนมีดีแค่ไหน ความรู้เป็นเกราะกำบังที่ดีที่สุดสำหรับสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะอาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่ประชาชนพึ่งพา และคิดถึงเป็นอันดับแรกเวลามีปัญหา องค์กรหนึ่งองค์กรจะอยู่ได้และเป็นที่ยอมรับของสังคมบุคลากรในองค์กรเป็นกงจักรที่สำคัญในการขับเคลื่อนบุคลากรในองค์กรต้องมีความรู้ความสามารถ นอกจากตำรวจจะมีความรู้ความสามารถสูงแล้วตำรวจต้องมีคุณธรรมด้วย โดยเฉพาะเวลาปฏิบัติหน้าที่เพราะสังคมปัจจุบันเป็นสังคมที่เห็นแก่ตัวและมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องมาก ตำรวจต้องมีการวางตัวเป็นกลางและมีคุณธรรมประจำใจ ในปัจจุบันนี้องค์กร ตำรวจอาจได้รับควารมเสื่อมเสียและไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเท่าที่ควร สาเหตุที่สำคัญ คือ มาจากบุคลากรในองค์กรทั้งสิ้น เราฐานะคนรุ่นใหม่เราต้องมองย้อนดูปัญหาและมาช่วยกันแก้ปัญหาให้กับองค์กรถึงแม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ ถ้าทุกคนช่วยกันพัฒนาตนเองทางด้านความรู้ ด้านคุณธรรม และพัฒนาจิตใจ ของตนเองจุดเล็กๆ หลายจุด ก็สามารถเป็นเกราะกำบังให้กับองค์กรและแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในองค์กรจะลดน้อยลง
อุดมการณ์ในการณ์ปฏิบัติหน้าที่ของผมจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญมากและและศึกษาค้นคว้าความรู้เพื่อพัฒนาตนเองท้องถิ่นและองค์กรมีคุณธรรมประจำใจ มีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และสังคม
ส.ต.ต.ปรีชาชัย ธรรมอนุสรณ์
ไม่มีอะไรมาก โดยตั้งแนวคิดนี้ตลอดตั้งแต่จำความว่า ข้าพเจ้าจะทำอะไรข้าพเจ้านั้นจะยึดถือคำอยู่ 3 คำ ตลอดเวลา คือ(1)อดทน (2) ตั้งใจ (3) ซื่อสัตย์ ซึ่ง 3 คำนี้ก็กลายเป็นอุดมการณ์ของข้าพเจ้านี้เอง ซึ่งอุดมการณ์ของข้าพเจ้า 3 คำนี้จะมีความหมายในตัวว่า
1.) อดทน ซึ่งอธิบายได้ดังนี้ ในการทำงานของผมนั้นถ้าไม่อดทนสิ่งที่ทำก็ไม่สำเร็จ ไม่ถึงเป้าหมายในสิ่งที่ทำ แล้วสิ่งที่ทำลงไป ก็ล้มเหลว ตลอดเวลาของการจะทำอะไรจะต้องมีความอดทน อดกลั้นอย่างแสนสาหัส ซึ่งทำลงไปนั้นจะเห็นผลเมื่อถึงปลายทางของการกระทำนั้น”เพราะความอดทนมีรสขม แต่ผลของมันมรสตรงข้าม
2.) ตั้งใจ ซึ่งอธิบายได้ดังนี้ คำว่าตั้งใจนั้นก็คือตั้งจิตตั้งใจ ว่าเป้าหมายเดียวที่ทำนั้นต้องทำให้สำเร็จ จะล้าเหลวกี่ครั้งก็ต้องทำในสิ่งที่ตั้งใจทำนั้นให้สำเร็จให้บรรลุเป้าหมาย โดยถือคติย่อยในหัวข้อตั้งใจนี้ว่า “ถึงไม่มีหนทางให้ฉันเดินฉันจะสร้างหนทางนั้นด้วยตัวของฉันเอง” แล้วก็ไม่เคยกลัวความล้าเหลวเพราะความกลัวเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าแห่งชีวิต และคำว่า เป็นไปไม่ได้นั้นไม่เคยมีในคนที่มีคำว่าตั้งใจ
3.) ซื่อสัตย์ ซึ่งอธิบายได้ดังนี้ ซื่อตรง ซื่อสัตย์ จริงใจ คิดที่อยากจะให้ใครจริงใจ ซื่อสัตย์ กับเรา เราก็ต้องจริงใจ ซื่อสัตย์ กับเขาก่อน โดยไม่ต้องนึกถึงผลตอบรับและความซื่อตรง ซื่อสัตย์ จริงใจ นี้เอง ทำให้หลายครั้งที่ลำบาก จะมีคนมรช่วยเหลือโดยคิดไม่ถึง และไม่ได้ขอ ซึ่งก็คิดว่าคนมาช่วยเรานี้ ก็มาจากการกระทำของเราที่ผ่านมาหรืออาจเป็นเพราะศรัทธาในความซื่อสัตย์ ซื่อตรง จริงใจ นี้เอง ความศรัทธาจึงส่งผลนี้มาและเหนือสิ่งอื่นใดในชีวิตนี้ก็คิดว่า เรื่องงานนี้เราทำลงไปแล้วควรทำให้ดีที่สุดโดยไม่ต้องนึกถึงผลตอบกลับว่าเราจะได้อะไรกลับมาว่าเราทำแล้วจะได้กลับมากน้อยแค่ไหน ไม่ควรคิดแบบนี้
เพราะการกระทำที่ทำลงไปก็เปรียบดังเรา ไปสระน้ำใส่กันเมื่อเอาน้ำสระใส่กันแล้วย่อมต้องเปียกน้ำ ไม่มากก็น้อย สระน้ำร้อนย่อมร้อนในสิ่งที่ทำ สระใส่น้ำเย็นก็ได้รับในสิ่งที่เย็น ฉันใดก็ฉันนั้น งานหรือสิ่งที่ทำลงไปก็เช่นดั่งสระน้ำใส่กัน ทำอย่างไรผลก็เกิดแบบนั้น ซึ่งในชีวิตของข้าพเจ้านี้ก็ไม่มีพรสวรรค์อะไร เพียงแต่ข้าพเจ้ามีความอดทน ตั้งใจ ซื่อสัตย์ ซึ่งยึดถือเสมอพร้อมสำรวจข้อด้วยของตัวเองเสมอ จึงสามารถทำในสิ่งที่ตั้งใจทำได้
“ปีนให้ไกล ปีนให้สูงเป้าหมายอยู่บนฟ้า จุดเล็งอยู่ที่ดาว"
ครับ นั่นก็คือแนวคิดและอุดมการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ของน้องๆ ทั้ง ๔ คนหลังจากออกไปรับราชการแล้ว ก็หวังว่าน้องๆ คงจะทำได้ตามแนวคิดและอุดมการณ์ที่ให้ไว้ตลอดไป
สุดท้ายนี้ผมขอนำภาพถ่ายต่างๆ ที่น้องๆ เขาถ่ายไว้ระหว่างฝึกงานมาฝากกันหน่อย รายละเอียดคลิกที่นี่นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น