วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สวัสดีวันแม่ (๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๓)

สวัสดีครับ วันนี้วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่งของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่านั่้นก็คือวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระแม่ของปวงชนชาวไทย ขอเชิญชวนพี่น้องทุกท่านตั้งจิตให้เป็นกุศลและทำหน้าที่ในความรับผิดชอบของตนเองให้ดีที่สุดอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านโดยพร้อมเพรียงกัน


ช่วงเช้าที่ผ่านมาหลายที่หลายแห่งได้จัดให้มีพิธีอันสำคัญยิ่งนี้ผ่านพ้นไปแล้ว อำเภอพานที่ผมรับราชการอยู่ก็เช่นเดียวกันจัดพิธีนี้ที่หอประชุมอำเภอดังรายละเอียดที่ผมนำมาเสนอในบล็อกก่อนหน้านี้

วันนี้นอกจากจะถือเป็นวันแม่ที่ลูกๆ ทุกคนคงจะได้อำนวยอวยพรกราบเท้าหรือพูดคุยกับคุณแม่แล้วยังอาจถือได้ว่าวันนี้เป็น "วันครอบครัว" อีกด้วยวันหนึ่งเพราะถ้าสามารถทำได้ลูกๆ ทั้งหลายคงเดินทางไปกราบท่านถึงบ้านและอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง คิดว่าคุณแม่ทุกท่านคงจะชื่นใจและก็รวมถึงลูกๆ ด้วยนะครับ สำหรับบางคนที่ไม่สามารถเ้ดินทางไปกราบเท้าท่านถึงที่ได้ก็อาจจะใช้วิธีพูดคุยอวยพรให้ท่านทางโทรศัพท์ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีผมอยู่ด้วยเนื่องจากบ้านของคุณแม่ของผมนั้นอยู่ใกล้่ถึงอำเภอแกลง จังหวัดระยองนู้น พอตื่นมาได้แป๊บหนึ่งก็โทรไปหาท่านทันทีเลย ชื่นใจครับวันนี้มีความสุขมาก แม้ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาแต่ก็ได้ยินเสียง ผมเองนั้นจะโทรไปหาคุณแม่ทุกวันแต่วันนี้เป็นอะไรที่บอกไม่ถูกครับ พูดไปน้ำตาไหลไปโดยไม่รู้ตัว "ขอให้คุณแม่มีความสุขมากๆ นะครับ"

เนื่องจากถือว่าวันแม่วันนี้เป็น "วันครอบครัว" ด้วย เมื่อเสร็จพิธีที่อำเภอพานแล้วผมกับคุณนภาพัน มัจฉา ภรรยาได้เดินทางไปเยี่ยมลูกสาว (น.ส.ปัทมาพร มัุจฉา) ที่โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติืสมเด็จพระศรีนคริืนทร์ พะเยา เมื่อเวลาเที่ยงเศษๆ เหตุที่ต้องไปเยี่่ยมเธอเพราะโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนประจำเปิดการเรียนการสอนตั้งชั้นมัธยม ๑- ๖ (ลูกสาวผมเรียนอยู่ชั้น ม.๔) ซึ่งนักเรียนทุกคนจะต้องเรียน กินอยู่หลับนอนที่โรงเรียนตลอด จะอนุญาตให้ผู้ปกครองไปเยี่ยมได้เฉพาะวันอาทิตย์ช่วงเวลาเที่ยงวันถึงห้าโมงเย็นและจะให้นักเรียนกลับบ้านทุกๆ ๓ อาทิตย์โดยให้ผู้ปกครองไปรัีบในวันพฤหัสบดีและส่งเด็กเข้าโรงเรียนอีกครั้งในวันอาทิตย์ แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันสำคัุญที่เด็กๆ ก็คงอยากพบหน้าคร่าตาแม่(รวมถึงพ่อ)ของเขา โรงเรียนจึงอนุญาตให้ผู้ปกครองไปเยี่ยมได้ อีกอย่างหนึ่งลูกสาวผมเธอก็บอกว่าต้องไปเยี่ยมให้ได้ ไม่ไปไม่ยอมอะไรประมาณนั้น ก็เลยไปเยี่ยมเขามา แล้วก็เหมือนเดิมครับเราพูดคุยกันทานอาหารกันตามปกติเหมือนกับเยี่ยมเยียนครั้งอื่นๆ สนุกและก็เป็นสุขทั้งพ่อและและลูกสาวมากเลย (ภาพประกอบการเยี่ยมลูกสาววันนี้กรุณาคลิกที่นี่)

อีักอย่างหนึ่งที่ลูกสาวผมจะขาดไม่ได้เลยไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันเมื่อสมัยเป็นเด็กๆ หรือมาเรียนโรงเรียนประจำแห่งนี้แล้วก็คือทุกวันแม่เธอจะเขียนหรือส่งการ์ดอวยพรวันแม่มาให้คุณแม่ของเขาเสมอปีนี้ก็เช่นกัน เลยขออนุญาตนำมาโชว์มาอวดกันหน่อยครับ











พูดถึงเรื่องวันแม่หรือวันครอบครัวซึ่งเป็นวันที่ทุกคนและทุกครอบครัวคงจะมีความสุขมากวันนี้แล้วก็นึกถึงวันที่ผมเคยพาภรรยาและลูกสาวไปเยี่ยมคุณแม่ผมที่จังหวัดระยองช่วงลูกปิดเทอมแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๑ ขึ้นมาได้ เรื่องนั้นผมบันทึกไว้ในบล็อกเก่า (http://phanpatrol.spaces.live.com/) และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในวันนี้จึงขออนุญาตนำเรื่องนั้นมาเผยแพร่อีกครั้งหนึ่งซึ่งมีรายละเอียดดังนี้


คุณพ่อเหียน มัจฉา (เสียชีวิต 9 ก.ย.2542) คุณแม่เผือน มัจฉา

สวัสดีครับผม พ.ต.ท.สุพจน์ มัจฉา สวป.สภ.พาน เชียงราย ขอรายงานตัวรับใช้พ่อแม่พี่น้องครับ

กลับมาถึงบ้านที่พะเยาวันนี้ครับหลังจากที่พาครอบครัวไปพักผ่อนและเยี่ยมคุณแม่ที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง บ้านเกิดในช่วงลาพักผ่อนประจำปี มีความสุขดีมากเลยทีเดียว ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับคุณแม่และภรรยาของผมพร้อมกับหลานที่คุณแม่รักมากตั้ง ๔-๕ วัน ได้พูดคุยทักทายสารทุกข์สุกดิบแบบถึงตัว ไม่ต้องใช้วิธีโทรศัพท์เหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา คุณแม่ของผมตอนนี้ท่านอายุ ๗๐ ปีแล้ว สุขภาพไม่สู้จะแข็งแรงมากนัก เพราะป่วยเป็นโรคไตและจะต้องเข้ารับการฟอกไตสัปดาห์ละ ครั้งในวันอังคาร,พฤหัสบดีและวันเสาร์ ค่าใช้จ่ายครั้งละประมาณ ๑๐,๐๐๐ บาทโชคดีที่สามารถเบิกจากทางราชการได้ แต่ถึงแม้จะไม่สามารถเบิกได้ลูกๆ ทุกคน (คุณพ่อกับคุณแม่มีลูก คน) ก็พร้อมที่จะดูแลอย่างเต็มกำลังความสามารถ สำหรับคุณพ่อเสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ กันยายน ๒๕๔๒ ด้วยวัยเพียง ๖๓ ปีเท่านั้นเอง คิดแล้วใจหายเหมือนกันว่าท่านมาด่วนจากไปด้วยวัยยังไม่มากสักเท่าไร บ้านของคุณแม่ผมอยู่ที่บ้านเลขที่ ๑๒/๑ หมู่ ๔ ตำบลพังราด อำเภอแกลง จังหวัดระยอง สภาพบ้านก็เหมือนชนบททั่วไปนั่นแหละคือเป็นบ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูงที่ด้านล่างใช้เก็บหรือทำอะไรได้เยอะแยะ หน้าบ้านเดี๋ยวนี้น้องสาวผมซึ่งอยู่กับคุณแม่พร้อมลูกชายวัย ๑๖ ปีปลูกเป็นสวนมะม่วง ส่วนด้านหลังติดกับคลองซึ่งเชื่อมต่อกับทะเลที่ห่างกันประมาณ กิโลเมตร แวดล้อมไปด้วยป่าไม้ชายเลนประเภทป่าโกงกาง,แสม,ต้นจาก ประมาณนี้ สภาพก็ยังสมบูรณ์ดี เพียงแต่ลำคลองเล็กลงไปกว่าที่ผมเคยอยู่สมัยเป็นเด็กๆ กับคุณพ่อคุณแม่พอสมควร ถามคุณแม่ท่านบอกว่าอาหารการกินในลำคลองและป่าชายเลนนั้นยังพอมีอยู่บ้างแม้จะไม่มากเหมือนสมัยก่อนก็ตาม พี่น้องแถวบ้านสามารถจับปูปลากุ้งหอยมากินได้เหมือนเดิมโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อหามา ทุกคนยังมีและใช้ชีวิตแบบวิถีชนบทเหมือนๆ เดิมซึ่งก็มีความสุขมากเลยทีเดียวครับที่ขณะนี้หลายๆ แห่งวิถีและการดำเนินชีวิตแบบสมัยก่อนๆ นั้นแทบจะไม่เหลือให้เห็นแล้ว แต่ที่บ้านของคุณแม่ยังมีอยู่และคิดว่าก็คงจะมีอยู่เช่นนี้ไปอีกตราบนานเท่านาน



บ้านของคุณแม่ หน้าบ้านเป็นสวนมะม่วง นี่เป็นคลองหลังบ้านครับ

ในส่วนของลูกสาวคนสวยของผมนอกจากได้มีโอกาสพูดคุยกับย่าแบบใกล้ชิด ได้เรียนรู้ภาษาและสำเนียงระยองจากคุณย่าเขาเช่น เพาะ (พ่อ) , แมะ (แม่) , " ไรฮิ" (อะไรนะ) , ยังงี่เกี๊ยะ (แบบนี้นะ) , ม่ะ (ทำไมล่ะ) , เตียบ (ถาด) , กะหลุก (หลุม) , หมวงพาน (มะม่วงหิมพานต์) และอีกหลายๆ คำแล้วเธอก็ยังช่วยสอนกำเมือง (ภาษาเมืองเหนือ) ให้คุณย่าอีกด้วยเช่น อันหยังเก๊าะ (อะไรนะ) , เจ๊า (ค่ะ) , ตะวา (เมื่อวาน) , วันพูก (พรุ่งนี้) , วันฮือ (มะรืนนี้) , บ่าก๊วยเต้ด (มะละกอ) ซะป๊ะซะเป้ด (เยอะแยะ มากมาย) แล้วก็อีกซะป๊ะซะเป้ดเลยล่ะครับท่าน ทำให้คนสองวัยหัวเราะกันครืนเลยทีเดียวเพราะได้ศัพท์ได้คำใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้หรือได้ยินมาก่อนเพิ่มขึ้นก็ตอนงานนี้นี่เอง ทีนี้ไม่เท่านั้นซิ่ครับ เพราะว่าคุณย่าพูดได้เพียงสำเนียงระยองเท่านั้น ครั้นจะพูดภาษากลางก็ไม่ได้ แบบว่าลิ้นท่านมันแข็งไปแล้ว รวมทั้งท่านค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยมภาษาถิ่นอีกด้วย ก็เลยทำให้หลานสาวคนสวยฟังคำบางคำไม่ออกว่าย่าพูดอะไร เดือดร้อนถึงผมซึ่งพูดและฟังสำเนียงทั้งสองภาคนี้ได้ต้องเป็นล่ามจำเป็นให้หลายครั้งเหมือนกัน แต่นี่ก็คือความสนุกสนานและร่าเริงที่อย่างมากที่สุด ปีจะมีแบบนี้พร้อมหน้าพร้อมกันครั้งหนึ่งซึ่งไม่มีวันลืมเลือนไปได้เลยทีเดียว

สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคนทางเหนือหรือที่อื่นที่ไม่มีทะเลเมื่อได้ไปเที่ยวภาคตะวันออกหรือภาคใต้นั่นก็คือ ทะเล ครับ ทะเล สิ่งนี้คือความใฝ่ฝันอีกอย่างของลูกสาวคนสวยว่าไปหาย่าแล้วพ่อต้องพาไปเที่ยวทะเลให้ได้ จะได้เล่นน้ำให้ฉ่ำใจซะที ก็ต้องสนองความต้องการกันหน่อย ทะเลส่วนใหญ่ที่พาเขาไปเที่ยวก็จะเป็นที่ระยองนั่นแหละครับ แหลมแม่พิมพ์ , บ้านเพ , สวนสน , หาดแม่รำพึง แบบนี้ ดูเขาเล่นแล้วก็ชื่นใจครับ เอาเป็นว่าถ้าไม่เรียกขึ้นมาหรือหิวข้าวเองแล้วไม่ยอมขึ้นเด็ดขาด จนตัวเธอที่คุณย่าบอกว่าผิวคล้ายๆ กันคือ(ค่อนข้าง)คล้ำนั้นกลับกลายเป็น(ค่อนข้าง)ดำไปถนัดตาเลยทีเดียว ไม่ว่ากันครับแบบนี้นานทีปีหนให้เขาเล่นให้หนำใจ เราเป็นพ่อเป็นแม่คอยดูแลความปลอดภัยให้เขาเท่านั้น จากทะเลก็พาเขาไปวัดเขาสุกิมที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งแต่เดิมนั้นหลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย เคยเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ปัจจุบัน ท่านมรณภาพไปแล้วคงเหลือทิ้งไว้แต่คุณงามความดีและสิ่งที่ท่านสร้างคุณประโยชน์อเนกอนันต์ให้อนุชนรุ่นหลังได้น้อมรำลึกถึง ลูกสาวได้ถ่ายภาพไว้เยอะเลยทีเดียว บอกว่าเปิดเทอมจะเอาไปอวดเพื่อน ก็คงประมาณจะโม้ให้เพื่อนๆ ฟังนั่นแหละครับ

ที่บ้านคุณแม่ ถ่ายที่่อนุสาวรีย์สุนทรภู่ ภาพนี้ที่หาดแหลมแม่พิมพ์ อำเภอแกลง ที่หาดแม่รำพึง อำเภอเมือง ระยอง ตลาดบ้านเพ อำเภอเมือง ระยอง ที่วัดเขาสุกิม อำเภอท่าใหม่ จันทบุรี ภายในวัดเขาสุกิม คนกลางคือภรรยาผม ส่วนเด็กเสื้อแดงเป็นหลานครับชื่อน้องฟ้า ถ่ายที่แหลมแม่พิมพ์ ระหว่างรอลูกเล่นน้ำทะเล

ครับ ช่วงลาพักผ่อนปีนี้ถือว่ามีความสุขมาก ได้พบปะพร้อมหน้าพร้อมตาระหว่างคุณแม่,ตัวผมเอง,ภรรยาและก็ลูกสาวคนสวย ทำให้มีพลังในการทำงานเพิ่มมากขึ้นเป็นกอง ตอนนี้กลับมาแล้ว คิดว่าจะสามารถทำงานพิทักษ์รับใช้พี่น้องประชาชนชาวอำเภอพานอันเป็นที่รักได้อย่างเต็มที่เพื่อความผาสุกของทุกคน

และในโอกาสที่จะถึงวันตำรวจ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๑ นี้ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลพิภพ โปรดดลบันดานประทานพรให้พี่น้องทุกคนจงประสบแต่ความสุข สมหวังในสิ่งอันพึงปรารถนา และแคล้วคลาดจากอุบัติภัยอันตรายต่างๆ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยทั่วกัน สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนก็จะตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ในความรับผิดชอบอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้แก่ประชาชนและพร้อมยืนเคียงข้างพี่น้องตลอดไป



จากใจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์



พ.ต.ท.สุพจน์ มัจฉา



และนี่ก็คือสิ่งที่ขออนุญาตนำมาฝากทุกท่านเนื่องใน "วันแม่" , "วันครอบครัว" วันนี้ครับ



แม่ครับ ผมรักแม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น