วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ประกาศให้จับผู้ร้าย (๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๓)

สวัสดีครับ พ.ต.ท.สุพจน์ มัจฉา ครับผม

วันนี้วันพฤหัสบดีแรม ๓ ค่ำ เดือน ๘ หลัง ปีขาล รัตนโกสินทรศก ๒๒๙ ตรงกับวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธปรินิพพานล่วงแล้ว ๒๕๕๓ ปี อยู่ในต้นๆ ของเทศกาลเข้าพรรษาที่พุทธศาสนิกชนหลายๆ ท่านใช้ในโอกาสนี้ลด ละ เลิก อบายมุข สิ่งลุ่มหลงเมามัวต่างๆ เพื่อสร้างกุศลผลบุญให้แก่ตัวเอง ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือการปวารณาตนว่าจะเลิกเหล้า ยาดองของเมาอย่างน้อยที่สุดก็ ๓ เดือนเิพื่อร่างกายจะได้พักผ่อนบ้างหลังจากตรากตรำกับสิ่งเหล่านี้มาถึง ๙ เดือนเต็มๆ ก็ขอเป็นกำลังใจให้อีกแรงหนึ่งนะครับ

วันนี้ตั้งแต่เช้าผมไม่ได้ออกจากโรงพักไปไหนเลยเพราะต้องสะสางจัดการเกี่ยวกับเอกสารกองใหญ่เต็มโต๊ะ รวมถึงจัดเตรียมข้อมูล แผนงาน โครงการและอะไรอีกเยอะแยะที่จะทำในเดือนต่อไปให้แล้วเสร็จซึ่งทุกๆ ปลายเดือนงานของผมจะเป็นแบบนี้นี่แหละ แต่ก็สนุกและได้รสชาติไปอีกแบบหนึ่ง ตอนนี้เสร็จแล้วก็เลยขอถือโอกาสนี้นำเรื่องราวต่างๆ ของตำรวจเราในอดีตมาเล่าให้ฟังในบล็อกนี้อีกสักเรื่องหนึ่งตามที่ได้สัญญากันไว้ โดยเรื่องที่จะเล่านี้ขอต่อยอดมาจาก "กองจับโจรผู้ร้าย" ที่นำเสนอให้อ่านกันเมื่อวันเข้าพรรษาที่ผ่านมาซึ่งขออนุญาตใช้หัวข้อตามประกาศฯนะครับว่า "ประกาศให้จับผู้้ร้าย" แล้วก็เช่นเคยครับข้อมูลที่จะนำมาเล่านั้นผมนำมาจากราชกิจจานุเบกษาเหมือนทุกๆ ครั้ง เิพราะจะได้มีหลักฐานอ้างอิงถึงที่มาที่ไปได้ รวมถึงท่านสามารถค้นคว้าหาอ่านเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้องอีกส่วนหนึ่งด้วย

พี่น้องทุกท่านครับ "กองจับโจรผู้ร้าย" ที่ผมนำมาเล่าเมื่อวันเข้าพรรษานั้นประกาศเมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม พระพุทธศักราช ๒๔๒๙ สมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ เมื่อประกาศแล้วกองจับทั้ง ๒๐ กองก็ออกปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายซึ่งก็ได้ "โจรผู้ร้าย" มาจำนวนหนึ่งแต่ก็ยังไม่เป็นที่พึงพระราชประสงค์นัก อาณาประชาราษฎรยังไม่วายหวั่นกลัวและสะดุ้งสะเทือนต่อภัยโจรเป็นที่เร่าร้อนพระราชหฤทัยยิ่ง ด้วยทรงพระเมตตาแก่ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ผู้มีความเดือดร้อนหวาดหวั่นจากภัยโจรที่จะต้ิองอยู่เฝ้าดูแลรักษาบ้านเรือนทำให้ยุ่งยากลำบากใจ จึงทรงมีพระราชดำริว่าถ้าการปราบปรามโจรผู้ร้ายครั้งนี้ไม่สงบราบคาบลงตราบใดก็จะเป็นที่เร่าร้อนพระราชหฤทัยไม่ทรงสบายได้เลย ดังนั้น จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าบรรดาพระบรมวงศานุวงษ์แลข้าราชการที่มีความจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นกองจับก็ตามก็ขอให้ตั้งพระทัยตั้งใจช่วยกันสืบสวนแต่งคนออกสอดแนมเอาตัวคนร้ายมาลงโทษรวมถึงสืบทราบให้รู้แหล่งพำนักพักพิงของคนร้ายด้วยกันทุกคน ถ้าได้ความมั่นคงและมีกำลังพอที่จะจับตัวคนร้ายมาได้ก็ให้จับ แต่ถ้าไม่มีกำลังพอก็ให้ไปแจ้ังต่อกรมพระนครบาลหรือกองจับทั้ง ๒๐ กองไปจับกุม หรือมิฉะนั้นก็ให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลทรงทราบก็ได้เพื่อจะได้โปรดเกล้าฯ ให้ไปจับตัวมาพิจารณา

ในกรณีที่ผู้ร้ายถูกจับกุมตัวมาให้การว่าเป็นข้าเป็นบ่าวไพร่ของพระบรมวงศานุวงษ์พระองค์ใดหรือข้าราชการผู้ใด หรือมูลนายทราบว่าบ่าวไพร่ของตนเป็นผู้ร้ายก็ให้รีบจับตัวมาส่งให้ตุลาการพิจารณารวมทั้งช่วยกันสืบเสาะเอาตัวมาให้ได้อย่างเต็มกำลังความสามารถจึงจะนับว่าเป็นผู้มีความกตัญญูซื่อตรงต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท แต่ถ้าพระบรมวงศานุวงษ์หรือข้าราชการผู้ใดทราบว่าใครเป็นคนร้ายหรือรู้แหล่งพำนักพักพิงหรือเป็นบ่าวไพร่ขึ้นสังกัดกับตนเองแต่เพิกเฉยเสียไม่คิดอ่านสืบเสาะติดตามตัวมาหรือไม่นำความมาแจ้งต่อกองจับและกราบบังคมทูลให้ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกปิดไว้ด้วยความรัก ความกลัว ความแกล้ง ความเกียจคร้าน ไม่เจ็บร้อนด้วยการแผ่นดินจะนับว่าผู้นั้นขาดน้ำพระพิพัฒนสัตยา มิได้มีความกตัญญูซื่อตรงต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทซึ่งเป็นที่ทรงร้อนพระราชหฤทัยด้วยทรงพระมหากรุณาแก่ประชาราษฎร เพราะฉะนั้นบรรดาพระบรมวงศานุวงษ์และข้าราชการที่รับทราบหมายประกาศนี้แล้วให้รีบเร่งแต่งข้าไทยบ่าวไพร่ออกสืบสวนเอาตัวและข่าวคราวอ้ายผู้ร้ายให้ได้ดังพระราชประสงค์ก็จะเป็นความชอบแต่ตนเองต่อไปภายหน้า

เรื่องนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ณ วันเสาร์ เดือนสิบ ขึ้นเจ็ดค่ำ ปีจออัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ เป็นวันที่ ๖๕๐๙ ในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ (๑๕ ตุลาคม ๒๔๒๙ , ผู้เขียน)

ครับ นั่นก็คือเรื่องสืบเนื่องต่อจาก "กองจับโจรผู้ร้าย" ที่ผมนำมาเล่าให้่ฟังกันในวันนี้

(ที่มา : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2429/024/188.PDF)

รักตำรวจ เกลียดตำรวจ มีปัญหาอย่าลืมเรียกใช้ตำรวจนะครับ

สวัสดีครับผม

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ30 กรกฎาคม 2553 เวลา 20:08

    สมัยก่อนเขาประหารกันแบบนี้เลยหรือนี่ น่ากลัวมากค่ะ

    ตอบลบ