วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อาหารกลางวันสไตล์โรงพักเมืองพาน (๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๓)

หลักปฏิบัติอย่างหนึ่งของตำรวจ สภ.พานของเราก็คือการมีกิจกรรมในการทานอาหารกลางวันร่วมกันซึ่งพวกเราปฏิบัติติดต่อกันตลอดเรื่อยมา (ไม่ทราบว่าตั้งแต่ยุคไหนเหมือนกัน) จนถึงปัจจุบัน โดยทุกๆ สัปดาห์พวกเราจะฮอม(รวม)เงินกันเพื่อซื้อวัตถุดิบประเภทที่จะใช้ทำอาหารแล้วให้แม่บ้านออกไปซื้อที่ตลาดใกล้ๆ โรงพักจากนั้นก็นำมาให้พ่อครัวซึ่งก็คือตำรวจของเราที่มีฝีมือทำการปรุงตามแต่ว่าวันนั้นๆ ต้องการกินอะไรอย่างน้อยก็สัปดาห์ละครั้ง



เมื่อพร้อมแล้วพ่อครัวจะยกอาหารที่ปรุงอย่างสุดฝีมือไปไว้ที่ที่ลูกมือ(ซึ่งทำอาหารไม่เป็น(รวมทั้งผมด้วย)) จัดโต๊ะไว้หลังจากนั้นก็เป็นเวลาอิ่มอร่อยของพวกเรา การทานอาหารกลางวันแต่ละครั้งผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ท่านผู้กำกับการลงมาหากมีเวลาว่างท่านก็จะร่วมทานกับพวกเราอย่างเป็นกันเองเสมอๆ ซึ่งภาพประกอบในวันนี้อาหารพิเศษของพวกเราก็คือ "ลาบจิ๊น" (ลาบเนื้อ) ส่วนจะลำ(อร่อย)หรือไม่ให้สังเกตอาการของแต่ละคนดูกันเองนะครับ



เพิ่มเติมครับ : เพื่อให้ข้อมูลในวันนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นจึงขออนุญาตนำความรู้เกี่ยวกับเรื่อง "ลาบ" มาเล่าให้ฟังดังนี้ครับ

ลาบเป็นอาหารยอดนิยมของคนทางภาคเหนือมีชื่อเต็มว่าลาบชิ้น (คนเมืองออกเสียง ลาบจิ๊น หรือบ้างก็เรียกชิ้นลาบ (จิ๊นลาบ) แต่มักเรียกกันสั้น ๆ ว่าลาบ

คนเมืองมีการทำลาบกินมานาน แต่ไม่ปรากฎบันทึกชัดเจนว่าเริ่มมีขึ้นเมื่อใด ซึ่งหากจะประเมินตามระยะเวลาที่เริ่มมีเครื่องเทศเข้ามาในภูมิภาคนี้ก็อาจประเมินได้ประมาณ ๓๐๐ กว่าปี

ลาบเป็นอาหารที่นิยมทำกินกันในโอกาสพิเศษหรืองานเลี้ยงในเทศกาลต่างๆ เช่น งานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ สงกรานต์ หรืองานศพ เป็นต้น ส่วนประกอบหลักของลาบคือเนื้อสัตว์สด เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อควาย ซึ่งนำมาสับให้ละเอียดคลุกเคล้ากับเลือดสดและเครื่องในต้มหั่นซอย ปรุงด้วยเครื่องปรุงอันประกอบไปด้วยพริกแห้งผิงไฟให้เกรียมและเครื่องเทศต่างๆ เรียกเครื่องปรุงนี้ว่า น้ำพริกลาบ

การกินลาบ จะกินกับผักสดนานาชนิด โดยเฉพาะประเภทสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมแรง และเรียกผักที่นำมากินกับลาบว่า ผักกับลาบ

การเรียกชื่อลาบจะเรียกตามชนิดของเนื้อสัตว์ที่นำมาเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น ลาบหมู ลาบงัว ลาบควาย ลาบไก่ ลาบปลา ลาบฟาน (เก้ง) เป็นต้น นอกจากนี้แล้วลาบยังเรียกชื่อตามลักษณะของการปรุงอีกด้วย

ลาบดิบ เป็นลาบที่ปรุงโดยไม่ผ่านความร้อนให้สุก ซึ่งคำว่า ลาบโดยทั่วไปจะหมายถึงลาบดิบนี้

ลาบคั่ว เป็นลาบดิบที่ปรุงเสร็จแล้วนำไปผัดให้สุก ซึ่งการคั่วหรือผัดนี้ ในยุคก่อนไม่ใช้น้ำมันแต่จะใส่น้ำเล็กน้อยลงในหม้อ หรือกระทะแล้วนำไปผัดให้สุก

ลาบเหนียว เป็นลาบที่มีลักษณะเหนียว (คล้ายผลไม้กวน) เนื่องจากในขณะปรุงนั้นจะใส่น้ำเลือดหรือน้ำที่ได้จากการต้มเครื่องในให้พอดีกับเนื้อ ซึ่งบางคนนิยมเอามะเขือขื่นแก่ๆ เผาไฟ เปลือกต้นลำไย เปลือกต้นมะกอก หรือเปลือกต้นเพกาโขลกผสมลงไปด้วยเพื่อจะทำให้ลาบเหนียวยิ่งขึ้น

ลาบน้ำโตม เป็นลาบที่ใส่น้ำเลือดหรือน้ำต้มเครื่องในผสมกับลาบให้มีลักษณะข้น (โตมหมายถึงท่วม)

ลาบหมี่ เป็นลาบที่เน้นใส่เครื่องใน หอม และกระเทียมที่เจียวจนกรอบแล้วลงไปผสมให้มากซึ่งเครื่องเจียวเหล่านี้เรียกว่า หมี่โดยทั่วไปแล้วลาบหมี่มักจะทำด้วยเนื้อหมู

ลาบลอ เป็นลาบที่ทำจากเนื้อหมูผสมกับเนื้อวัวหรือเนื้อควายอย่างละครึ่ง

ลาบขโมย เป็นลาบที่มีการหั่นหรือสับเนื้ออย่างเร่งรีบ เนื้อบางส่วนจึงถูกสับขาดจากกันบ้าง ไม่ขาดจากกันบ้าง เมื่อตักขึ้นมาจะติดกันเป็นพวงเรียกว่าพวงสะบันงา ซึ่งสืบเนื่องมาจากพวกขโมยที่ไปลักวัวควายผู้อื่นไปฆ่ากินแล้วเกรงว่าเจ้าของจะตามมาพบเข้าจึงทำลาบกินกันในบริเวณที่ฆ่าวัวควายนั้นอย่างรีบร้อน อุปกรณ์ เช่น เขียงก็ไม่ได้นำติดตัวไปด้วย จึงสับเนื้อบนหนังวัวควายที่ชำแหละออกมา ดังนั้นเนื้อที่สับหรือลาบที่ได้จึงไม่ละเอียด

ลาบเก๊า เป็นลาบที่ทำเป็นครั้งแรกของงานเลี้ยงแต่ละครั้ง โดยทำจากเนื้อสัตว์ที่เพิ่งผ่านการฆ่าชำแหละมาใหม่ ๆ สด ๆ ถือเป็นเนื้อที่ทำลาบได้อร่อย

หากเป็นการทำส้าจิ๊นคือปรุงอย่างลาบแต่ไม่สับเนื้อ เพียงแต่หั่นเป็นชิ้นๆ จะเรียก ส้าเดิก
คือการส้าเนื้อในตอนดึก เพราะการฆ่าชำแหละวัวควายสำหรับการเตรียมงานต่างๆ มักทำกันในตอนกลางคืนดึก ๆ หรือเช้าตรู่ของวันงานมักทำกินกันในกลุ่มผู้ที่มาช่วยกันฆ่าชำแหละสัตว์ และเนื่องจากทำกันในตอนดึกใกล้รุ่งจึงมักจะเรียกว่าลาบใกล้แจ้งอีกด้วย


เห็นแบบนี้แล้วอยากจะกินลาบกับหมู่เฮาก่อครับ ล้ำลำครับผม

รักตำรวจ เกลียดตำรวจ มีปัญหาอย่าลืมเรียกใช้ตำรวจนะครับ

สวัสดีครับผม

4 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. ข้อมูลที่ผมเขียนนี้จัดทำไว้สมัยที่ พ.ต.อ.มาโนช มีสกุลคุณ ดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.พานครับ ปัจจุบันท่านย้ายไปเป็น ผกก.สภ.เชียงคำ จังหวัดพะเยา ซึ่งท่านจะมาร่วมทานอาหารกลางวันกับพวกเราทุกครั้งที่พวกเราทำโดยทุกครั้งท่านก็จะฮอม(บริจาค)รวมไปถึงเป็นเจ้าภาพด้วยตนเองด้วยสร้างความอุ่นใจให้พวกเราเป็นอย่างยิ่ง

    ปัจจุบันแม้ว่าท่านจะไม่อยู่แล้วก็ตามพวกเราก็ยังถือปฏิบัติแบบนี้เรื่อยมาแล้วทุกครั้งพวกเราจะพูดถึงท่านเสมอแบบว่าคิดถึงท่านน่ะครับ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ14 กรกฎาคม 2555 เวลา 15:14

    ท่านสุพจน์สบายดีนะคะนี่น้องหมูจ๋าจำได้ไหมคะพี่เข้ามาอ่านบล็อกหนูมั่งตอนนี้เขียนเกี่ยวกับตำรวจๆค่ะ คิดถึงพี่เสมอนะคะ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ14 กรกฎาคม 2555 เวลา 15:16

    ท่านสุพจน์สบายดีนะคะนี่น้องหมูจ๋าจำได้ไหมคะพี่เข้ามาอ่านบล็อกหนูมั่งตอนนี้เขียนเกี่ยวกับตำรวจๆค่ะ คิดถึงพี่เสมอนะคะ

    ตอบลบ