วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เครื่องแบบตำรวจไทยเมื่อวันวาน (๗ กรกฎาคม ๒๕๕๓)

สวัสดีครับ พ.ต.ท.สุพจน์ มัจฉา ครับผม

วันนี้วันพุธแรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีขาล ตรงกับวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๓ วันทำงานของพี่น้องอีกวันหนึ่ง ขอให้มีความสุขและสนุกกับงานที่ทำทุกคนครับ

เมื่อคืนวานผมเปิดเข้าไปดูเว็บไซต์หลายๆ แห่งเพื่อจะหาข้อมูลโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับตำรวจมาเล่ามาเผยแพร่ให้พี่น้องได้รับทราบกัน เปิดไปเปิดมาเจอเว็บไซต์หนึ่งนั่นก็คือ http://www.copthailand.com
ศูนย์กลางความรู้งานตำรวจเพื่อประชาชน (Police Knowledge Society) ภายในมีเนื้อหาอะไรต่อมิอะไรมากมายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเฉพาะกับตำรวจและพี่น้องประชาชนทั่วไปก็เลยขออนุญาตนำเรื่องราวส่วนหนึ่งในเว็บไซต์มาเผยแพร่กันต่อเพื่ออย่างน้อยที่สุดก็เป็นการบอกเล่าเรื่องราวเก่าๆ ในอดีตที่มีค่ายิ่งและแทบจะหาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้วเรื่องนั้นก็คือ "เครื่องแบบตำรวจในอดีต" สำหรับเนื้อหาและภาพประกอบนั้นผมขออนุญาตนำมาจากผู้จัดทำทั้งหมดเลยทีเดียว ไม่มีการต่อเติมหรือตัดทอนและก็ต้องขอขอบพระคุณผู้จ้ัดทำข้อมูลอันมีค่ายิ่งมา ณ โอกาสนี้เป็นอย่างสูงด้วย สำหรับข้อมูลที่กล่าวถึงมีดังนี้



การแต่งกายของตำรวจภูธรในปี พ.ศ.๒๔๔๐ คือ สมัยรัชกาลที่ ๕ ตามบันทึกจากเอกสารการรายงานของพระยามหาอำมาตย์ ผู้แทนเสนาบดีเสนอพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ลงวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๕๗ ตอนหนึ่งระบุว่า

พลตำรวจภูธรใช้เสื้อแบบราชการสีกากี กระดุมแบบทองขาว อินทนูใช้ผ้าสักกลาดดำตัดเปนแผ่นกว้าง ๕ เซ็นติเม็ตร์พาดยาวตามบ่ากางเกงขาสั้นสีกากี หมวกทรงหม้อตาลสีกากี กระบังหน้าหนังดำสายรัดคางใช้ด้ายขาวถัก คาดเข็มขัดหนังดำนอกเสื้อ เหน็บดาบปลายปืน

นายสิบแต่งกายใช้เสื้อกางเกง หมวกอย่างเดียวกับพลตำรวจ ผิดกันแต่นายสิบตรีมีบั้งด้ายขาวถักติดแขนเสื้อเหนือข้อศอกซ้าย ๑ บั้ง นายสิบโท ๒ บั้ง นายสิบเอก ๓ บั้ง จ่านายสิบ ๔ บั้ง


เครื่องแบบตำรวจประมาณปี พ.ศ.๒๔๖๐

นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร์ แต่งกายในเวลาปรกติ เสื้อแบบราชการสีขาวแลสีกากี กระดุมทองขาว กางเกงขายาวขาวแลสีกากี สรวมรองเท้าหนังดำหุ้มข้อเท้า หมวกทรงหม้อตาลสีขาวแลสีกากี กระบังหน้าหนังดำ สายรัดคางเงิน มีตราอาร์มแผ่นดินติดที่หน้าหมวก คาดเข็มขัดในเสื้อ เหน็บกระบี่ยาว ภู่กระบี่เงิน ส่วนอินทนูถ้าเปนฝ่ายประจำการใช้สังกะสีตัดเปนแผ่นยาวตามบ่าย่อมุม ๒ มุมทางต้นบ่า หุ้มสักลาดดำ มีแถบเงินกว้าง ๑ เซ็นติเม็ตร ขลิบริม ๓ ด้านตั้งแต่ต้นบ่ามาปลายบ่า ถ้าเปนฝ่ายพนักงานใช้สังกะสีตัดเปนแผ่นย่อมุมทั้ง ๔ มุม หุ้มผ้าสักกลาดสีดำ มีแถบเงินกว้าง ๑ เซ็นติเม็ตร ขลิบริมทั้ง ๔ ด้านติดขวางบ่า


เครื่องแบบตำรวจก่อน พ.ศ.๒๔๗๐


เครื่องแบบตำรวจประมาณ พ.ศ.๒๔๗๐


เครื่องแบบตำรวจลำปางปี พ.ศ.๒๔๗๒


เครื่องแบบนายตำรวจปี พ.ศ.๒๔๘๑

นายร้อยตรีประจำการ จักร์ชุบทองติดบนปลายอินทนู ๆละ ๑ จักร นายร้อยตรีพนักงาน มีจักร์ชุบทองติดบนกลางอินทนูๆ ละ ๑ จักร นายร้อยโท ๒ จักร นายร้อยเอก ๓ จักร
นายพันตรี นายพันโท นายพันเอก ใช้อินทนูและติดจักร์เครื่องหมายยศวิธีเดียวกันกับนายร้อย แต่มีแถบเงินกว้าง ๑ เซ็นติเม็ตร์ทาบบนกลางอินทนูตามอินทนู
นอกจากนี้ยังแยกเป็นแต่งครึ่งยศ(เสื้อขาว กางเกงสักกหลาดดำมีแถบขาวด้านข้าง) , แต่งครึ่งยศใหญ่(เสื้อสักหลาดดำ) , แต่งเต็มยศดำ(ใช้หมวกแฮลเม็ดมีตราอาร์มแผ่นดินเงินดวงใหญ่ติดหน้าหมวก) และแต่งเต็มยศขาว(ใช้เสื้อสีขาว หมวกแฮลเม็ด)

ปี พ.ศ.๒๔๕๒ มีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบพระราชกำหนดเครื่องแต่งตัวทหารบกคือ
พลตำรวจใช้หมวกทรงหม้อตาลสีเทา มีตราประทุมอุนาโลมติดหน้าหมวก(เดิมพลตำรวจไม่มีหน้าหมวก) เสื้อรูปกระสอบสีเทา คอพับ กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินแก่ อินทนูผ้าสักกะลาดสีเทา มีเลขหมายราบตามทหารบกในมณฑลนั้นๆ ติดบนปลายอินทนู คาดเข็มขัดหนังสีเหลืองนอกเสื้อ เหน็บดาบปลายปืน
นายสิบตรี นายสิบโท นายสิบเอก มีบั้งเช่นเดิม
นายตำรวจสัญญาบัตร์ เสื้อแบบราชการสีเทา คอพับ ใส่กระดุมแบนในสาบเสื้อ มีพระเกี้ยวชุบทองติดที่พับคอเสื้อข้างละ ๑ คู่หากเป็น "ประจำการ" หรือมีดอกจันทน์ชุบทองติดที่พับคอเสื้อข้างหน้า ๑ คู่ หากเป็น "พนักงาน"


เครื่องแบบตำรวจปี พ.ศ.๒๔๘๓

ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๕๘ สมัยรัชกาลที่ ๖ จึงมีพระราชกำหนดเครื่องแต่งตัวตำรวจภูธรขึ้น
หมวดที่ ๒ ว่าด้วยเครื่องแต่งตัวตำรวจภูธร
มาตรา ๔ เครื่องแต่งตัวนายสิบตำรวจภูธร พลตำรวจภูธรให้มีดังนี้

หมวกทรงหม้อตาลสีน้ำตาล มีแถบดำรอบขอบหมวก สายรัดคางหนังดำ มีตราประทุมอุณาโลม เสื้อแบบราชการสีน้ำตาล กางเกงอย่างกว้าง ขาสั้นสีน้ำตาล , อินทร์ธนูรูป ๔ เหลี่ยมรีกว้าง ๕ เซ็นติเมเตอร์ หุ้มผ้าสีดำ ต้นแผ่นเปน ๓ เหลี่ยม ติดตามตรงบ่าตั้งแต่คอไปหาไหล่ ผ้าพันแข้งสีน้ำตาล , รองเท้าสีน้ำตาล

จ่านายสิบนั้น ให้ใช้หมวกทรงหม้อตาล มีกระบังดำ กับใช้เสื้อแบบราชการสีขาวได้


จ.ส.ต.โต ทะนันชัย ตำรวจ สภ.ต.แม่ปิง เชียงใหม่ ปี พ.ศ.๒๔๘๖ กระดุม ๗ เม็ด หน้าหมวกเป็นอุณาโลม มีรัศมีโดยรอบ

มาตรา ๗ เครื่องแต่งตัวตำรวจภูธรชั้นนายร้อย นายพัน ให้มีดังนี้

หมวกทรงหม้อตาลสีน้ำตาล มีกระบังสีดำ มีแถบผ้าสักกระหลาดดำ พันรอบขอบหมวก สายรัดคางหนังดำ มีตราประทุมอุณาโลมติดที่หน้าหมวก เมื่อใช้เสื้อสีใดต้องใช้ปลอกหมวกสีนั้น , หมวกกันแดดสีน้ำตาล มีตราประทุมอุณาโลม สายรัดคางหนังดำ แถบผ้าสักกระหลาดดำ พันรอบหมวก

หมวกแฮ็ลเม็ดสีน้ำตาล มียอด มีโซ่รัดคาง มีตราที่หน้าหมวกทำด้วยเงิน มีแถบสักกระหลาดดำพันรอบหมวก เสื้อแบบราชการสีน้ำตาล ปลอกคอและข้อมือสีดำ มีขลิบแถวเงินกว้าง ๑ เซ็นติเมเตอร์ที่ปลายคอ ๑ เส้น ที่ข้อมือ ๒ เส้น , กางเกงผ้าขาสั้นสีน้ำตาล กางเกงสักกระหลาดสีน้ำตาลขาสั้นหรือขายาว มีแถบสีดำกว้าง ๕ เซ็นติเมเตอร์ติดที่ตะเข็บขากางเกงข้างนอก ผ้าพันแข้งสีน้ำตาล สนับแข้งสีน้ำตาล รองเท้าสีน้ำตาลหุ้มข้อเท้า ในเมื่อเวลาใชกางเกงขาสั้นให้ใช้ผ้าพันแข้งหรือสนับแข้งสีน้ำตาลหรือจะใช้รองเท้าสูงแทนสนับแข้งก็ได้

เครื่องหมายตำแหน่งดูจากบนอินทร์ธนูที่บ่า ยศนายร้อยตำรวจตรี นายพันตำรวจตรีและนายพลตำรวจตรีมีจักร์ ๑ จักร , นายร้อยตำรวจโท นายพันตำรวจโทและนายพลตำรวจโท มีจักร์ ๒ จักร , นายร้อยตำรวจเอก นายพันตำรวจเอก นายพลตำรวจเอก มีจักร์ ๓ จักร (มาตรา ๑๒ ข้อ ๒) นอกจากนี้บนกลางอินทร์ธนูหากเป็นตำรวจหัวเมืองให้ติดเลขหมายมณฑล หากประจำการตำรวจภูธรให้ติดพระมหามงกุฎ
(
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๒ หน้า ๓๙ วันที่ ๔ เม.ย.๒๔๕๘)

ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๗๗ มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องแบบตำรวจอีกครั้งหนึ่งแบ่งเครื่องแบบเป็น ๕ ประเภท คือ เครื่องปกติ , เครื่องหัด , เครื่องสโมสร , เครื่องเต็มยศขาวและเครื่องเต็มยศ เครื่องปกติ หมวกทรงหม้อตาลสีกากี กะบังหน้าหนังสีดำ มีสายรัดคางหนังสีดำ กว้างหนึ่งเซ็นติเมตร มีดุมสีดำขนาดเล็กติดข้างละหนึ่งเม็ด ที่ด้านหน้าหมวกติดตราทำด้วยโลหะสีเงินเป็นรูปอุณณาโลมอยู่กลางจักร รอบนอกวงจักรมีลายเปลวในรอบวงจักรมีอักษรว่า "พิทักษ์สันติราษฎร์" นอกจากนี้ให้มีหมวกกันแดดสีกากีและมีตราติดหน้าหมวกลักษณะดุจเดียวกับตราติดหน้าหมวกทรงหม้อตาล ให้ประกอบกับเสื้อแบบราชการสีกากีและกางเกงสีกากี แต่จะใช้เมื่อใดให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะกำหนด

นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ให้ใช้หมวกกันแดดสีขาวและมีตราติดหน้าหมวกดั่งกล่าวแล้วในวรรคก่อนใช้ประกอบกับเสื้อแบบราชการสีขาวและกางเกงสีขาวได้ด้วย

เสื้อแบบราชการ ผ้าหรือสักหลาดสีกากี มีดุมที่อกเสื้อเจ็ดดุม มีกะเป๋าเย็บติดภายนอกข้างขวาและข้างซ้ายข้างละสอง เป็นกะเป๋าบนและล่างอย่างละสอง กะเป๋าบนมีใบปกรูปมนชายกลางแหลม มีแถบเย็บติดตรงกึ่งกลางตามทางดิ่ง กะเป๋าล่างเป็นอย่างย่ามมีใบปกรูปตัด ทั้งสี่กะเป๋ามีรัดดุมที่ใบปกสำหรับขัดดุมซึ่งติดอยู่ตรงปาก กับมีอินทรธนูสีเดียวกันกับเสื้อเย็บเป็นแผ่นเหลี่ยมเรียวทางด้านไหล่ไปทาง ด้านคอติดอยู่เหนือบ่าทั้งสองข้าง ด้านทางไหล่กว้าง ๓.๕ เซนติเมตร เย็บกับตะเข็บเสื้อ ด้านทางคอกว้าง ๒.๕ เซนติเมตร ปลายมนและขัดดุมด้วยวิธีเจาะเสื้อสอดก้านดุมลงไปติดควงภายในเสื้อ ดุมทั้งสิ้นที่กล่าวมาแล้วมีลักษณะกลมมนทำด้วยวัตถุสีน้ำตาล

กางเกงทำด้วยผ้าหรือสักหลาดสีกากีขายาว พับปลายขา ส่วนนักเรียนนายร้อยตำรวจ นายดาบตำรวจหรือนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรให้ใช้กางเกงขายาวสีขาวพับปลายขาประกอบกับเสื้อสีขาวได้ด้วย กับให้มีกางเกงทำด้วยผ้าหรือสักหลาดสีกากีชะนิดขาสั้นหุ้มเข่า ใช้ประกอบกับเสื้อแบบราชการสีกากีในเวลาขี่ม้า หรือในโอกาสที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะกำหนดให้ อนึ่งเมื่อใช้กางเกงสีกากีชะนิดขาสั้นดั่งว่านี้ต้องใช้ผ้าพันแข้งสีกากีหรือสนับแข้งสีน้ำตาลประกอบกับรองเท้าบู๊ตทำด้วยหนังสีน้ำตาล และถ้าเป็นนักเรียนนายอร้อยตำรวจ นายดาบตำรวจ หรือนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร จะใช้ทอปบู๊ตหนังสีน้ำตาลก็ได้


หัวหน้าจราจร กก.ภ.จว.เชียงใหม่ (มิถุนายน ๒๔๙๕)ท้า ชูหรือบู๊ตทำด้วยหนังสีน้ำตาลหรือทอปบู๊ตทำด้วยหนังสีน้ำตาล แต่ถ้าใช้รองเท้าชู ต้องใช้ถุงสีน้ำตาล สำหรับนักเรียนนายร้อย

เครื่องแบบตำรวจปี พ.ศ.๒๔๙๕


เครื่องแบบนายตำรวจประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๐

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลที่ผมนำมาเสนอให้ทราบวันนี้คงจะเกิดประโยชน์กับทุกท่านอยู่พอสมควร และท้ายที่สุดนี้ผมขอขอบพระคุณ http://www.copthailand.com อีกครั้งหนึ่ง

รักตำรวจ เกลียดตำรวจ มีปัญหาอย่าลืมเรียกใช้ตำรวจนะครับ

สวัสดีครับผม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น