วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แจ้งความมาแต่ศาลต่างประเทศกำชับให้ตำรวจงดเว้นการกระทำอันอาจทำให้เข้าใจว่าไม่สุภาพกับชาวต่างประเทศ (๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓)

สวัสดีครับ พ.ต.ท.สุึพจน์ มัจฉา รายงานตัวครับ

วันนี้วันอังคารขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๘ หลัง ปีขาล รัตนโกสินทรศก ๒๒๙ ตรงกับวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พุทธปรินิพพานล่วงแล้ว ๒๕๕๓ ปี อยู่ในช่วงวสันตฤดูที่อีกไม่กี่เพลานับแต่นี้สืบไปจะถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของเราคือวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษากันแล้ว เมื่อถึงเพลานั้นก็ใคร่ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกคนทุกท่านไปทำบุญที่วัดใกล้บ้านโดยพร้อมเพรียงกัน

ช่วงพักเที่ยงวันนี้ผมจะขอนำเรื่องราวเก่าๆ ของตำรวจเรามาเล่าให้ฟังอีกซักเรื่องหนึ่งเพราะเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์หรือข้อคิดสำหรับหลายคนโดยเฉพาะพี่น้องตำรวจแม้ว่าเรื่องนั้นจะผ่านพ้นไปนานแล้วก็ตามเรื่องที่จะเล่าก็ตามจั่วหัวครับ "แจ้งความมาแต่ศาลต่างประเทศกำชับให้ตำรวจงดเว้นการกระทำอันอาจทำให้เข้าใจว่าไม่สุภาพกับชาวต่างประเทศ" เกิดขึ้นเมื่อสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ นู้นน่ะ โดยเรื่องนี้มีการนำลงตีพิมพ์ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือน ๗ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีชวด สำฤทธิศก ๑๒๕๐ ซึ่งมีใจความดังนี้ (ขออนุญาตใช้คำและการสะกดตามที่ตีพิมพ์ครับ)

เมื่อสองอาทิืตย์สามอาทิตย์ล่วงมาแล้วมีความเรื่องหนึ่งซึ่งหาว่าโปลิศประพฤติการหยาบช้าต่อผู้หญิงชาวยุโรปสองคนที่ใกล้วังสระประทุมวัน การที่เกิดเหตุขึ้นนั้น ก็เปนที่เสียใจของคอเวอนเมนต์ของสมเดจพระเจ้าอยู่หัวเปนอันมาก แต่คำเล่าฦาในความเรื่องนี้นั้นเหลือเกินไปจากความจริงมากนัก จึ่งจำเปนที่จะต้องลงพิมพ์เรื่องราวตามที่เปนจริงนั้นใจคือ ภรรยาราชทูตเยียรมันกับผู้หญิงชาวเยียรมันอีกผู้หนึ่งขับรถไปตามถนนใกล้สระประทุมวัน แลคนใช้นั้นได้เกบดอกบัวจากคูให้แก่นายของเขา ครั้นภายหลังเมื่อรถนนำประตูวังพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ มีโปลิสสองคนเข้าจับม้ารถให้หยุดโดยทันที แลมีโปลิศอีกสองคนเข้าไปถามผู้หญิงนั้นว่าได้เกบดอกไม้ไปฤา เมื่อได้ตอบว่าได้เกบไปจริง โปลิศก็ให้ผู้หญิงทั้งสองต้องลงจากรถ เข้าไปในวังพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ได้พบกับพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณที่ในนั้นแล้ว พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณก็ทรงยอมให้ผู้หญิงนั้นไปตามใจ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณก็ไม่ทรงรู้จักผู้หญิงทั้งสองคนนั้นว่าเปนผู้ใด ผู้หญิงทั้งสองนั้นก็ไม่อยากทูลให้ทรงทราบ ผู้หญิงผู้หนึ่งร้องว่าโปลิศทำอาการกิริยาอยาบช้า พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณรับสั่งตอบว่า โปลิศได้รับคำสั่งแขงแรงให้รักษาของๆ ท่านไม่ให้ผู้ใดทำเสียไปได้ ครั้นเมื่อการเรื่องนี้ทราบไปถึงศาลาว่าการต่างประเทศ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงเทวะวงษวโรประการได้ทรงแสดงความเสียใจของคอเวอนเมนต์เปนอันมากต่อราชทูตเยอรมันในเหตุที่ผู้หญิงผู้ใดจะมาได้ความลำบากขึ้น โปลิศนั้นก็ต้องติดเตียนข้อที่สำแดงอาการกิริยา ซึ่งจะเรียกได้ว่าเปนการหยาบช้าแล้วแลได้มีคำสั่้งแขงแรงไปยังกรมพระนครบาลให้บังคับโปลิศให้งดเว้นเสียจากการซึ่งจะทำให้คนต่างประเทศเหนว่าเปนเหมือนกับจงใจจะแกล้งให้คนต่างประเทศได้ความลำบากในที่ไม่จำเปนนั้นตามกำลังที่จะงดเว้นได้

ครับ นั่้นก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตกาลที่ผ่านมาที่เกี่ยวข้องกับโปลิศหรือตำรวจของเราที่นำมาเล่าให้ฟังช่วงเที่ยงวันวันนี้

รักตำรวจ เกลียดตำรวจ มีปัญหาอย่าลืมเรียกใช้ตำรวจนะครับ

สวัสดีครับผม

หมายเหตุ :

พรุ่งนี้ผมจะขอนำเรื่อง "ตำรวจคุมบ่อน" สมัยรัชกาลที่ ๕ มาเล่าให้ฟัง อย่าลืิมติดตามอ่านนะครับ น่าสนใจมากเลยทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น