วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การจับโจรผู้ร้ายห้ามมิให้ราษฎรหวาดหวั่น (๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓)

สวัสดีครับ พ.ต.ท.สุพจน์ มัจฉา ครับผม

วันนี้วันศุกร์ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๘ หลัง ปีขาล รัตนโกสินทรศก ๒๒๙ ตรงกับวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธปรินิพพานล่วงแล้ว ๒๕๕๓ ปี วันสุดท้ายในการทำงานเดือนนี้สำหรับหลายๆ วันพรุ่งนี้และมะรืนนี้เป็นวันหยุดที่อาทิตย์นี้หยุดติดต่อกันมาถึง ๔ วันเต็ม พี่น้องหลายคนคงจะมีความสุขพอสมควร แต่อย่าลืมเสียล่ะช่วงนี้เทศกาลเข้าพรรษา อย่าลืมลด ลด เลิก อบายมุข สิ่งเมามัวต่างๆ ในช่วงนี้ด้วยจะเป็นการดียิ่งเลยทีเดียว

เนื่องจากวันนี้เป็นวันสิ้นเดือนซึ่งจะต้องเร่งรัดดำเนินการเรื่องต่างๆ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นเอกสารเสียมากกว่าให้เสร็จสิ้นเพื่อเตรียมการณ์สำหรับเดือนใหม่ที่จะถึง ในช่วงเช้าจนถึงเวลานี้ผมจึงไม่ได้ออกจากโรงพักไปไหนเ้ลย ช่วงเช้าเวลา ๑๐.๐๐-๑๒.๐๐ น.ก็มีการประชุมนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผมพูดถึงเสียเป็นส่วนใหญ่ ตอนบ่ายก็มาจัดการเอกสารข้อมูล แผนงาน โครงการกันต่อจนเสร็จ ก็ต้องขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ตำรวจ สภ.พานทุกคนที่ร่วมไม้ร่วมมือกันทำอย่างขยันขันแข็งผ่านบล็อกนี้มาด้วยนะครับ

สะสางการงานต่างๆ เสร็จแล้วตอนนี้ไม่มีอะไรทำก็เลยขออนุญาตนำสาระน่ารู้เกี่ยวกับเรื่องราวเก่าๆ ของตำรวจเราในอดีตมาเล่าให้ฟังหน่อย สำหรับข้อมูลที่จะเล่านั้นผมนำมาจากราชกิจจานุเบกษาดังเช่นปกติโดยขอต่อยอดจากเมื่อวานครับ เรื่องที่จะเล่าก็คือ "การจับโจรผู้ร้ายห้ามมิให้ราษฎรหวาดหวั่น" ซึ่งประกาศในราชกิจจาฯ เ้ล่ม ๗ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ หรือปี พ.ศ.๒๔๓๓ สมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ใจความในประกาศฯฉบับนี้มีดังนี้ (ขออนุญาตใช้ถ้อยคำและการสะกดตามที่ประกาศครับ)

"ด้วยนายพลตรี พระยาสุรศักดิ์มนตรี ผู้บัญชาการทหารบก รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศแก่ผู้ว่าราชการเมือง กรมการ แลราษฎรในหัวเมืองทั้งปวงให้ทราบทั่วกันว่าหัวเมืองทั้งปวงมีใบบอกเข้าไปกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสดมฟันแทงยิงกันตายชุกชุมขึ้นกว่าแต่ก่อน ตั้งมั่้วสุมประชุมเปนหมู่ๆ เหล่าๆ คนที่รุ่นหนุ่มขึ้นก็มักจะเข้าเปนโจรผู้ร้ายตามกันไป ไม่ตั้งทำมาหากินโดยสุจริตมีโดยมาก ราษฎรในหัวเมืองได้ความเดือดร้อนเพราะโจรผู้ร้ายเนืองๆ ความทราบฝ่าลอองธุลีพระบาทแล้ว จึ่งทรงพระราชดำริห์ว่า การที่จะรงับปราบปรามโจรผู้ร้ายซึ่งเปนหมู่เปนเหล่าโตๆ เที่ยวไปมาในหัวเมืองต่างๆ เช่นนี้ ถ้าจะตั้งข้าหลวงออกไปชำระแต่ฉเพาะเมืองใดเมืองหนึ่งเปนเมืองๆ ไป พวกโจรผู้ร้ายก็มักจะหลบหลีกข้ามเขตรแขวงไปอยู่เสียในเมืองซึ่ืงไม่มีข้าหลวงไปตั้งอยู่ การโจรผู้ร้ายจึ่งปราบปรามไม่สงบลงโดยเร็วได้ โดยทรงพระมหากรุณาแก่อาณาประชาราษฎรเพื่อจะให้ตั้งทำมาหากินอยู่เย็นเปนศุขปราศจากโจรผู้ร้ายซึ่งจะทำอันตรายแก่ชีวิตรแลทรัพย์สมบัติ ฤาให้เปนที่หวาดหวั่นไม่เปนอันทำมาหากินโดยสดวก จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดกองจับผู้ร้ายออกมาเที่ยวตรวจจับผู้ร้ายในครั้งนี้ ด้วยทรงพระราชดำริห์เห็นว่าคนซึ่งไปเปนโจรผู้ร้ายนั้นย่อมมีหัวน่าเปนผู้ชำนาญในการโจรกรรม ได้เคยประพฤติชั่วมาช้านาน เปนครูบาอาจารย์ชักชวนคนหนุ่มๆ ให้เข้าประพฤติเปนโจรผู้ร้ายสมัคพรรคพวกไปด้วยเหมือนฝึกหัดไปโดยลำดับจนคนใหม่ๆ ได้ทำการชั่วเคยไป ใจที่เปนพาลสันดานทุจริตก็เกิดขึ้นตามลำดับจนไม่กลับประพฤติดีได้ การที่จะออกจับโจรผู้ร้ายครั้งนี้ถึงว่าในคำสั่งว่าผู้ร้ายซึ่งไม่มีโจทย์กล่าวโทษ แต่สืบสวนได้ความแน่ชัดว่าเปนผู้ร้ายมีชื่อเสียงปรากฏ มีฝีมือก็ให้กองจับจับส่งไปพิจารณาเปนช่องกว้างกว่าที่จับผู้ร้ายทุกครั้งก็ดีก็แต่ได้มีพระราชโองการดำรัสสั่งให้กำชับกองจับให้จับแต่ผู้ซึ่งเปนหัวน่า เปนตัวผู้ร้ายได้ลงมือปล้นสดมยิงฟันแทง แลกองพิจารณาก็ให้พิจารณาเลือกสรรเอาแต่ตัวผู้ร้ายที่ได้ทำการโจรกรรมเปนฉกรรจมหันต์โทษที่แท้จริง อย่าให้ผู้ซึ่งประพฤติการสุจริตซึ่งจะต้องซัดทอดถึงโดยความริศยาพยาบาท ต้องจับกุมให้ได้ความเดือดร้อน ด้วยอาไศรยการสืบสวนปากคำตามราษฎรประกอบเปนหลัก เพราะฉนั้นบันดาราษฎรผู้ซึ่งทำมาหากินโดยสุจริต มิได้ประพฤติเปนโจรผู้ร้ายลงมือปล้นสดมยิงฟันแทงผู้หนึ่งผู้ใด อย่าให้มีความหวาดหวั่นสดุ้งสเทือนว่าจะต้องมีอันตรายเพราะต้องผู้ร้ายซัดทอดอย่างหนึ่งอย่างใด ให้ตั้งทำมาหากินอยู่ตามถิ่นถาน อย่าให้ละทิ้่งภูมลำเนาไปให้ได้ความลำบากยากแค้นเปนอันขาด

ประกาศมา ณ วันที ๑๕ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ เปนวันที่ ๘๑๓๒ ในรัชกาลประจุบันนี้"

ครับ นี่ก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นสมัยล้นเกล้าฯ รัฃกาลที่ ๕ ที่ผมนำมาเล่าให้ฟังกันในวันนี้

ที่มา : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2433/047/426_1.PDF

รักตำรวจ เกลียดตำรวจ มีปัญหาอย่าลืมเรียกใช้ตำรวจนะครับ

สวัสดีครับผม

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ30 กรกฎาคม 2553 เวลา 17:36

    สุดยอด เลยคับพี่

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณสำหรับแรงใจของมิตรรักแฟนเพลงที่ให้สายัณห์ สัญญา โอ๊ะโอ๋ ไม่ใช่...ของพี่ๆ น้องๆ ที่มีให้ผมขอรับ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ30 กรกฎาคม 2553 เวลา 20:06

    อยากแนะนำให้ท่านเอาบทความที่ดีๆ แบบนี้ลงเผยแพร่ในนิตยสารบ้างเพื่อคนจะได้รู้มากขึ้น อีกอย่างหนึ่งครับได้เงินไปใช้ด้วย ลองดูนะครับท่าน

    ตอบลบ